ยิ่งใหญ่ ยิ่งยาก ยิ่งท้าทาย ถอดประสบการณ์ “ซีอีโอ” ผู้นำปตท.ก้าวสู่บริษัทระดับโลก
ต้องยอมรับว่า ในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน) ที่แปลงสภาพมาจากการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย มีพัฒนาการอย่างโดดเด่นและเปลี่ยนโฉมไปอย่างมาก สิ่งที่คนไทยเองรับรู้ ก็คือเป็นองค์กรที่ปราดเปรียว ดูทันสมัย และมีความน่าเชื่อถือในแง่ของผลิตภัณฑ์และบริการ และถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบริษัทที่เชิดหน้าชูตาคนไทยในระดับนานาชาติ
สิ่งที่คนไทยรับรู้ กับสิ่งที่เป็นจริงของปตท. ณ วันนี้ เป็นสิ่งเดียวกัน เพราะปตท.ในขณะนี้คือบริษัทด้านพลังงานอันดับหนึ่งของไทย และเป็นที่รู้จักในระดับโลก โดยติดอันดับบริษัทชั้นนำของโลกตามการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์จูนแห่งสหรัฐอเมริกา
กล่าวได้ว่าบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้ปตท.ก้าวรุดหน้าไปค่อนข้างมากอย่างที่ปรากฏในขณะนี้ คือประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) และกรรมการผู้จัดการใหญ่ของปตท. โดยตลอดเวลา 8 ปี หรือ 2 วาระที่เขาดำรงตำแหน่ง เขาสามารถเพิ่มยอดขายของปตท.จากระดับ 3-4 แสนล้านบาท เป็น 2 ล้านล้านบาท และความฝันสูงสุดของเขาประการหนึ่งก่อนจะพ้นวาระในปลายปี 2554 นี้ก็คือผลักดันให้ปตท.กลายเป็น global player โดยจะต้อง ติด 1 ใน 100 อันดับแรก ของ Fortune 500 จากปัจจุบันอยู่ลำดับ 135
เชื่อว่าหลายคนอยากรู้ว่า ประเสริฐ คิดอย่างไร ทำงานอย่างไร จึงสามารถพาปตท.ก้าวรุดหน้าไปได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ คำตอบทั้งหมดถูกรวบรวมไว้ในหนังสือ Prasert Factor –ยิ่งใหญ่ ยิ่งยาก ยิ่งท้าทาย ของสำนักพิมพ์มติชน ซึ่งเรียบเรียงโดยสมปรารถนา คล้ายวิเชียร
แค่เปิดอ่านในคำนิยม ยังไม่ทันได้อ่านบทแรกของหนังสือ ก็จะรู้สึกได้ว่า ประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ได้รับการยอมรับนับถือในฝีมือจากบรรดาผู้บริหารชั้นนำในเมืองไทย อย่างกานต์ ตระกูลฮุน กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี เขียนเอาไว้ว่า “การได้มีโอกาสร่วมเดินทางไปโรดโชว์ต่างๆด้วยกันหลายครั้ง ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า พี่เสริฐ เป็นคนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เป็นคนเก่งคนดี อัธยาศัยดี อารมณ์ดีเสมอ และที่สำคัญเป็นแบบอย่างที่ดีในการทำงานอย่างโปร่งใส ทั้งด้านส่วนตัวและงาน พี่เสริฐเป็นตัวอย่างของผู้บริหารรัฐวิสาหกิจที่นำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า”
ส่วนชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่บมจ.ธนาคารกรุงเทพ ก็บอกว่า “ในฐานะตัวแทนผู้บริหารของธนาคารกรุงเทพ ผมได้มีโอกาสเข้าร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ ปตท.มาโดยตลอด ทำให้ผมมีโอกาสพบปะสนทนากับคุณประเสริฐอยู่เนืองๆ พบกันครั้งใดก็ประทับใจในอัธยาศัยไมตรี ความมีมนุษย์สัมพันธ์ดี ตลอดจนความคิดและวิสัยทัศน์ที่โดดเด่นของคุณประเสริฐเสมอ คุณประเสริฐให้ความสำคัญเรื่องการทำงานเป็นทีมและมุ่งเน้นพัฒนาบุคลากรขององค์กรอย่างจริงจังต่อเนื่อง... ผมเชื่อว่าผู้ที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ ผู้บริหาร ทั้งภาครัฐและเอกชน ตลอดจนนักเรียน นักศึกษาและคนทั่วไป จะมีความเข้าใจในมิติต่างๆที่คุณประเสริฐได้ถ่ายทอดประสบการณ์ ความรู้และข้อคิดสำคัญต่างๆในการบริหารจัดการอย่างลึกซึ้ง”
ในฐานะที่เป็นลูกหม้อของปตท.มานาน ทำให้เขามองเห็นว่ายังมีศักยภาพอีกมากของปตท.ที่ยังไม่ถูกดึงออกมาใช้ ดังนั้นเมื่อได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งซีอีโอซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดขององค์กรขนาดใหญ่แห่งนี้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2546 ประเสริฐเชื่อว่าปตท.เดินทางมาไกลเกินกว่าจะเป็นเพียงแค่ธุรกิจจัดหา ซื้อขายน้ำมัน/ก๊าซ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าเดิมๆภายในประเทศแต่เพียงอย่างเดียว แต่จะต้องก้าวสู่ระดับโลก
ประเสริฐ เรียนจบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยยูทาห์ สหรัฐอเมริกา ผ่านการอบรมด้านการบริหารจัดการขั้นสูงจากฮาร์วาร์ด บิสซิเนส สคูล สหรัฐอเมริกา ทำให้ประเสริฐ เป็นซีอีโอที่คิดในเชิงกลยุทธ์ตลอดเวลา ซึ่งถือเป็นคุณสมบัติสำคัญของผู้บริหารเก่งๆทั่วโลก
การวางเป้าหมายขององค์กรที่ว่า จะต้องอยู่ใน Top 100 ของฟอร์จูน 500 จะต้องเป็นบริษัทยั่งยืนเกิน 100 ปี ก็ดี หรือแม้กระทั่งการกำหนดว่าอีก 5 ปีนับจากนี้ ปตท.จะต้องใหญ่ได้อีก จากมูลค่า 2 ล้านล้านบาท เป็น 3.5 ล้านล้านบาท ก็ดี เป็นการส่งสารไปยังผู้บริหารทุกระดับขององค์กรตลอดจนพนักงานทุกคน ให้มองเห็นภาพอนาคตและเป้าหมายขององค์กรในทิศทางเดียวกัน เมื่อทุกคนมองเห็นทิศทางและเป้าหมายที่ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าอย่างชัดเจนแล้ว ก็จะเดินไปในทางเดียวกัน ไม่สะเปะสะปะหรือลดเลี้ยวออกนอกเส้นทางไป
นอกเหนือจากการเป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์ขององค์กรแล้ว ประเสริฐยังทำงานแบบติดดินลงลึกในรายละเอียด มีการติดตามนโยบายที่ให้ไว้ตลอดเวลา
ประเสริฐเคยพูดว่า “การทำงานที่ดีต้องทำด้วยจิตวิญญาณ ในฐานะผู้บริหารต้องไม่ใช่ให้แค่นโยบาย แล้วพนักงานก็ทำกันไป แต่ต้องติดตามประเมินผลให้แน่ใจว่านโยบายที่เราให้ไปนั้นมีคนดูแลรับผิดชอบงานอย่างจริงจัง ผมอยากให้พนักงานปตท.ทุกคน ทำงานด้วยจิตวิญญาณ มีความเป็นเจ้าของและทุ่มเททำงานเพื่อองค์กร ซึ่งวิธีที่ดีที่สุดคือทำตัวเองให้เป็นตัวอย่างกับพนักงาน...เวลาเดินทางไปร่วมกิจกรรมต่างๆสิ่งที่ผมชอบทำคือแวะปั๊มปตท. จะเรียกว่าตรวจก็ได้เพราะจะเดินไปดูอย่างละเอียด ห้องน้ำเป็นอย่างไร จัดหน้าร้านเป็นอย่างไร มีอะไรต้องแก้ไข บางทีก็ไปคุยกับเด็กปั๊มบ้าง ลูกค้าบ้าง บางคนก็ไม่รู้หรอกว่าผมเป็นใคร ผมทำอย่างนี้จนเป็นนิสัย”
นี่จึงไม่แปลกว่าทำไมห้องน้ำของปตท.จึงสะอาด และก็ไม่แปลกอีกเช่นกันว่าบรรดาคู่ค้าหรือเจ้าของปั๊ม อาเสี่ย ทั่วประเทศที่ได้เข้ามาทำธุรกิจปั๊มของปตท.จะพากันบอกว่า คนที่พวกเขาเห็นหน้ามากที่สุด จดจำได้มากที่สุดคือประเสริฐ บุญสัมพันธ์
หากจะสรุปสิ่งที่ประเสริฐต้องการฝากไว้กับปตท.ซึ่งถือเป็นบ้านของเขาก่อนจะพ้นตำแหน่งไปในปลายปี 2554 สามารถสรุปออกมาเป็น 3 คำคือ “ยิ่งใหญ่-ยั่งยืน-แข็งแกร่ง” หรือ Big-Long-Strong
Big ก็คือเป็นบริษัทติดอันดับ 1 ใน 100 ของบริษัทที่มียอดขายสูงสุดของโลกตามการจัดอันดับของฟอร์จูน ภายในปี 2563
Long ก็คือ เป็นบริษัทที่มีการเติบโตยั่งยืนติดอันดับดัชนีความยั่งยืนของดัชนีดาวโจนส์ ภายในปี 2556
Strong ก็คือ มีผลการดำเนินงานติดระดับบริษัทชั้นนำในแต่ละธุรกิจ เพื่อสะท้อนผลประกอบการที่แข็งแกร่งภายในปี 2563
นั่นเป็นเพียงเรื่องราวเพียงส่วนหนึ่งของบุคคลระดับตำนานที่ทำให้ ปตท.ยิ่งใหญ่จากหนังสือ Prasert Factor –ยิ่งใหญ่ ยิ่งยาก ยิ่งท้าทาย
ขอขอบพระคุณข่าวและภาพจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1321253199&grpid=&catid=
